วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

ฟาร์มจระเข้

ฟาร์มจระเข้วัดสิงห์ 

หรือฟาร์มจระเข้วสันต์ ตั้งอยู่ที่ 121 หมู่ 3 ตำบลมะขามเฒ่า จากอำเภอเมืองชัยนาท มาตามถนนสายชัยนาท-วัดสิงห์ (ทางหลวงหมายเลข 3183) กิโลเมตรที่ 24 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ในฟาร์มจะมีสัตว์หลายชนิด เช่น จระเข้ เสือ กวาง ปลากระเบน นกชนิดต่าง ๆ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5646 1104






จระเข้ ฟาร์มจระเข้วัดสิงห์ หรือฟาร์มจระเข้วสันต์ มีอยู่จำนวนไม่มากมีหลายขนาดตั้งแต่จระเข้ที่ยังตัวเล็กๆ ไปจนถึงขนาดโตเต็มที่ อยู่ในบ่อที่มีการกั้นเป็นคอกสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ กันสำหรับแยกจระเข้ออกจากกัน เพราะจระเข้เป็นสัตว์ดุร้าย หากให้ตัวเล็กอยู่ปนกับตัวใหญ่อาจจะถูกทำร้ายได้ ส่วนหนึ่งของพื้นที่บ่อจระเข้จะมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นที่อยู่ของจระเข้ตัวโตๆ นอนพักผ่อนอยู่ริมน้ำอย่างสบายอารมณ์ เป็นที่สนใจของเด็กๆ ที่ได้มาชมจระเข้ในระยะใกล้ขนาดนี้




เสือโคร่ง เป็นสัตว์ป่าดุร้ายชนิดหนึ่งที่มักจะพบเห็นได้ในฟาร์ม จระเข้ และสวนสัตว์โดยกรงของเสือเหล่านี้จะถูกสร้างให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ปกติเสือก็มีนิสัยหลายอย่างคล้ายกับแมว เวลาส่วนหนึ่งของมันใช้ไปกับการนอนพักผ่อน




สัตว์อื่นๆ ในฟาร์มจระเข้วัดสิงห์ นอกเหนือจากการเข้ามาชมจระเข้หลายขนาด เสือโคร่ง ก็ยังมีสัตว์อีกหลายชนิดให้ชมที่นี่ ได้แก่กวาง และอีกัวน่า




สัตว์อื่นๆ ในฟาร์มจระเข้วัดสิงห์ สัตว์ทั้งหมดจะอยู่ในกรงเรียงต่อกันไปเดินไม่นานก็จะได้เห็นสัตว์เหล่านี้ได้ทั่วแล้ว
 



อีกัวน่า กิ้งก่ายักษ์ที่วันๆ เอาแต่นอนเหล่านี้ในหลายปีก่อนนับเป็นสัตว์หาดูยากในบ้านเรา ระยะหลังๆ จึงได้มีการนำเข้าสัตว์ตัวนี้มากขึ้น


เครดิต คลิก


วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สวนนก

                                           สวนนกชัยนาท

                        สวนนกชัยนาท ตั้ง อยู่บริเวณเชิงเขาพลอง หมู่ที่๔ ตำบลเขาท่าพระ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชัยนาท ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๒๖ บนพื้นที่ ๒๔๘ ไร่ ๑๓ ตารางวา สวนนกชัยนาทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและอนุรักษ์นก ตั้งแต่ในสมัยนายกุศล ศานติธรรมดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสวนนกชัยนาท ได้มีการพัฒนาด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ ปัจจุบันในสวนนกมีกรงนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียครอบคลุมพื้นที่ ๒๖ ไร่ โดยปล่อยให้นกชนิดต่างๆ อยู่ตามธรรมชาติ นอกจากนี้ภายในสวนนกยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้ผู้เข้าชมสวนนกดังนี้




           อาคารศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว เป็น แหล่งให้ข้อมูลการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยว โดยได้จัดนิทรรศการรวบรวมข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวจาก ๘ อำเภอ ของจังหวัดชัยนาท โดยให้นักท่องเที่ยวได้ชมวีดีทัศน์บนเรือเพื่อบรรยากาศสมจริง นักท่องเที่ยวสามารถค้นคว้าหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดชัยนาทได้ อย่างครบวงจรจากที่นี้





          อาคารแสดงพันธุ์ปลาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา อุบล รัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ชมนิทรรศการวิถีประมงไทย เรือจำลองลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารแสดงพันธ์ปลาฯ เป็นแหล่งรวบรวมปลาน้ำจืดพันธ์ต่างๆ มากกว่า ๙๐ ชนิด ปลาหายาก/สูญพันธุ์ ปลาเศรษฐกิจ ปลาอันตราย เช่น ปลาเสือตอ ปลาตองลาย ปลาเสือสุมาตรา ปลากดหิน เป็นต้น นักท่องเที่ยวจะตื่นตาในอุโมงค์แก้วพบกับปลาน้ำจืดสายพันธ์ยักษ์ ปลาบึกที่ได้ชื่อว่า “ฉลามน้ำจืด” อาคารพันธุ์ปลาเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ ๐๘.๐๐ – ๑๗.๐๐ น.





                      ศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลอง สวนนกชัยนาท เกิด ขึ้นเพราะต้องการพัฒนาด้านการศึกษาเพื่อเปิดประตูสู่โลกแห่งการเรียนรู้เชิง วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และเพื่อรองรับการท่องเที่ยว โดยได้รับพระบรมราชานุญาตให้นำพระบรมฉายาลักษณ์ และพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ซึ่งท่านได้รับการยกย่องจาก ประชาคมดาราศาสตร์ในระดับสากลว่า “King of Siam Eclipse” ด้วยการกล่าวถึงสุริยุปราคาเต็มดวงเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๑ มาจัดนิทรรศการที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลอง สถานที่นี้มีห้องฉายดาวจุ ๔๐ ที่นั่ง ไว้ให้บริการ เปิดให้เข้าชมวันละ ๖ รอบ เวลา ๐๙.๐๐, ๑๐.๐๐, ๑๑.๐๐, ๑๓.๐๐, ๑๔.๐๐ และ ๑๕.๐๐ น.




          อาคารพิพิธภัณฑ์ไข่นก (Egg Museum) เป็นอาคารที่รวบรวมไข่นกสายพันธ์ต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ให้ได้เรียนรู้ เปิดเข้าชมทุกวันระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.

       อาคารศูนย์ OTOP เป็นแหล่งแสดงสินค้า และผลิตภัณฑ์ระดับ ๕ ดาว ของชุมชนในจังหวัดชัยนาท ให้เลือกเป็นของฝากและของที่ระลึกจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
         สวนนกชัยนาทเปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ – ๑๘.๐๐ น. อัตราค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ ๓๐ บาท เด็ก ๒๐ บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ ๑๐๐ บาท เด็ก ๕๐ บาท (ค่าเข้าดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ทุกอาคารในสวนนก) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สวนนกชัยนาท โทร. ๐ ๕๖๔๗ ๖๖๒๔ หรือที่ อบจ.ชัยนาท โทร. ๐ ๕๖๔๗ ๖๖๑๗

     การเดินทาง สวนนกชัยนาทตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน(ทางหลวงหมายเลข ๑)ก่อนถึงตัวเมือง ๔ กิโลเมตร ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๒ ถึงสี่แยกถนนสายเอเชีย ช่วงชัยนาท –ตาคลีเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข๑ประมาณ ๗ กิโลเมตร สวนนกชัยนาท อยู่ทางขวามือ


  

เครดิต คลิก

วัดธรรมามูล

วัดธรรมามูลวรวิหาร



     วัดธรรมามูลวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชัยนาท สันนิษฐานว่าพระมหาธรรมราชากษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัยทรงสร้างวัดนี้ขึ้นในปี พ.ศ.๒๑๒๐ และได้มีการบูรณะในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่บนไหล่เขาธรรมามูลริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดธรรมามูลถือว่าเป็นน้ำศักดิ์นำไปใช้ในพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา สิ่งที่สำคัญของวัดนี้ คือ พระพุทธรูปทองสำริด ประทับยืนปางห้ามญาติอันมีนามว่า หลวงพ่ธรรมจักร
      หลวงพ่อธรรมจักร เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชัยนาท ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารเชิงเขา วัดธรรมามูลวรวิหาร เป็นศิลปะประยุกต์ช่างสมัยเชียงแสนตอนปลายถึงสุโขทัยตอนต้นผสมกับสมัยอยุธยา มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ประทับยืนบนฐานดอกบัว พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ สูงประมาณ ๔.๕๐ เมตร กลางฝ่าพระหัตถ์มีรอย “ธรรมจักร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ นิ้ว”  




        วัดธรรมามูลวรวิหาร ไม่พบหลักฐานทางประวัติอย่างแน่ชัด มีเพียงตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า มีผู้พบพระพุทธรูปลอยตามแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกันถึง ๓ องค์ ได้แก่ หลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา) หลวงพ่อวัดบ้านแหลม (วัดบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม) และหลวงพ่อธรรมจักร (วัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท) บ้างกล่าวว่ามีพระพุทธรูปอีกองค์ คือ หลวงพ่อวัดไร่ขิง ลอยตามมาด้วย

แต่สำหรับหลวงพ่อธรรมจักร เมื่อลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร ปรากฏว่าได้ลอยวนเวียนอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งนี้

พระภิกษุและชาวบ้าน จึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัด โดยนำเชือกพร้อมด้ายสายสิญจน์ผูกกับพระพุทธรูป แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ กระทั่งตกเย็นจึงแยกย้ายกลับ โดยวางแผนจะมาดึงในวันรุ่งขึ้น

พอถึงรุ่งเช้า ชาวบ้านต่างหาพระพุทธรูปไม่พบ ต่างคิดว่าพระพุทธรูปได้หลุดลอยน้ำไปแล้ว จึงแยกย้ายกันกลับ ปรากฏว่าในขณะนั้นได้มีผู้พบเห็นพระพุทธรูปองค์ที่ลอยน้ำได้มาประดิษฐานปิด ทางเข้าประตูวิหารวัดธรรมามูล เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง จึงได้เรียกชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างให้ขึ้นไปดู

ชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจก่อสร้างต่อเติมพระวิหารออกมาอีกช่วงหนึ่ง รวมเป็น ๓ ช่วง

จากคำบอกเล่า เมื่อองค์หลวงพ่อประดิษฐ์อยู่ได้ ๓ วัน ก็ได้หายไปจากพระวิหาร และกลับมาประดิษฐานดังเดิมโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีโคลนและจอกแหนติดเปื้อนมาด้วย ชาวบ้านจึงได้นำโซ่มาล่ามผูกไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หลวงพ่อหายไปอีก

ต่อมามีคนต่างถิ่นล่องแพมาจากทางเหนือ เพื่อตามหาพระพุทธรูป เมื่อมาถึงท่าน้ำหน้าวัดธรรมามูล ได้พบพระพุทธรูปที่ตามหาอยู่ ขณะนั้นเป็นช่วงพลบค่ำ ชายผู้นั้นจึงได้ขออาศัยนอนอยู่ที่วัด เพื่อรอเวลาอัญเชิญองค์หลวงพ่อกลับ ณ วัดแห่งเดิม

ชายคนนั้น ได้ฝันว่า หลวงพ่อไม่ขอกลับไปด้วย จะขออยู่ที่วัดแห่งนี้

ครั้นรุ่งเช้า จึงได้กราบลาท่านสมภารเดินทางกลับบ้าน และได้ขอถอดเอา "จักร" ที่ฝ่าพระหัตถ์องค์หลวงพ่อกลับไป

นับแต่นั้นมาหลวงพ่อธรรมจักรก็ไม่หายไปไหนอีก ชาวบ้านจึงได้นำโซ่ที่ล่ามออกและได้ร่วมกันสร้าง "จักร" ขึ้นใหม่และจัดให้มีงานสมโภชต่อเนื่องทุกปี จนถึงปัจจุบัน

..๑๒๐, ๑๒๕ และ ๑๒๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จมาสักการะหลวงพ่อธรรมจักร ถึง ๓ ครั้ง ดังมีข้อความปรากฏในหนังสือประวัติศาสตร์ ประพาสต้นมีพระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๘ เดือนตุลาคม ร..๑๒๐ ถึง กรมหลวงเทวะวงษ์วโรปการ ตามความว่า

"เวลาเช้า ๓ โมงเศษ ถึงวัดธรรมามูล ขึ้นเขามีราษฎรอยู่มาก พระวิหารใหญ่หลังคาพังทลายลงทั้งแถบ จำเป็นต้องปฏิสังขรณ์ เมื่อนมัสการพระแจกเสมาราษฎรแล้วลงเรือเดินทางต่อมาอีก"

อนึ่ง ในการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมานั้น สันนิษฐานว่า สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง ตามเสด็จมาด้วย โดยพบแผ่นจารึกหินอ่อนที่ด้านบนเสาต้นกลางของซุ้มบันไดที่ติดกับลานพระวิหาร หลวงพ่อธรรมจักร จารึกเกี่ยวกับวัน เดือน ปี และบุคคลที่บริจาค โดยปรากฏเป็นพระนามแรก ทรงบริจาคเงินจำนวน ๒๐๐ บาท

บุคคลที่สำคัญอีกท่านหนึ่งที่ได้ตามเสด็จมานมัสการ คือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยมีพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือสาสน์สมเด็จ ลงวันที่ ๑๒ มกราคม พ..๒๔๘๑ เป็นลายพระหัตถ์ที่ทรงมีถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ความตอนหนึ่งว่า

"เมื่อปีแรก หม่อมฉันเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยใน พ..๒๔๕๓ ขึ้นไปตรวจราชการหัวเมืองเหนือเมื่อฤดูน้ำ ได้พระราชทานกฐินหลวงไปทอดที่ วัดธรรมมามูลด้วย หม่อมฉันไปพักแรมอยู่ที่ชัยนาท รุ่งเช้าออกจากเมืองชัยนาทขึ้นไปบนเขาธรรมมามูล"

ทั้งนี้ วัดธรรมามูลวรวิหาร จัดงานประเพณีนมัสการปิดทองหลวงพ่อธรรมจักร อันเป็นงานประจำปี กำหนดขึ้นปีละ ๒ ครั้ง คือ ในเดือน ๖ ระหว่างขึ้น ๔-๘ ค่ำ และเดือน ๑๑ ระหว่าง แรม ๔-๘ ค่ำ รวมครั้งละ ๕ วัน ๕ คืน







             หลวงพ่อธรรมจักร เป็นศิลปะประยุกต์ช่างสมัยเชียงแสนตอนปลายถึงสุโขทัยตอนต้นผสมกับสมัยอยุธยา มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ประทับยืนบนฐานดอกบัว พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ สูงประมาณ ๔.๕ เมตร กลางฝ่าพระหัตถ์มีรอย "ธรรมจักร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ นิ้ว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพระพุทธรูปองค์นี้



                การเดินทางไปวัดธรรมามูลวรวิหาร สามารถเดินทางโดยใช้รถยนต์ตามเส้นทางพหลโยธินสายเก่า ชัยนาท – นครสวรรค์ เลยสี่แยกแขวงการทางชัยนาท ประมาณ ๘ กิโลเมตร กิโลเมตรที่ ๒๘๘ – ๒๘๙ จะมองเห็นเขาธรรมามูลอยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนอีกประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร หรือเดินทางโดยรถประจำทางสาย ๑๐๖๔ ชัยนาท – มโนรมย์, สาย ๑๑๒ นครสวรรค์ – ชัยนาท, สาย ๙๐๓ กรุงเทพฯ – อุทัยธานี, สาย ๑๐๖๕ ชัยนาท – วัดสิงห์ และสาย ๑๙ กรุงเทพฯ – วัดสิงห์


เครดิต คลิก


 

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    วัดปากคลองมะขามเฒ่า (จ.ชัยนาท)

                 นับ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัด ชัยนาท ซึ่ง เป็นสถานที่ ที่ทุกคนต่างให้ความสนใจอยากที่จะมาไหว้หรือมาสักการะบูชาไม่ลืมที่จะแวะมา ที่วัดแห่งนี้ เดิมมีชื่อเรียกสั้นๆว่า "วัดมะขามเฒ่า" ทุกคนต่างรู้จักกันในนามของวัด"หลวงปู่ศุข" นั่นเอง..............



         วัด ปากคลองมะขามเฒ่า (วัดหลวงปู่ศุข) ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บริเวณปากคลองมะขามเฒ่า (แม่น้ำท่าจีน) แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา สาเหตุที่เรียกว่า “วัดปากคลองมะขามเฒ่า”เนื่องจากเดิมมีต้นมะขามเก่าแก่ต้นหนึ่งอยู่บริเวณริม ฝั่งแม่เจ้าพระยาติดกับหน้าวัดปากคลอง วัด นี้เป็นวัดเก่าแก่มีทิวทัศน์ที่สวยงามรื่นรมย์ และมีชื่อเสียงด้านพระเครื่องด้วยหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่ศุขเป็นเกจิอาจารย์ที่ประชาชนทั่วไปต่างเลื่อมใสศรัทธาท่านในด้าน ความศักดิ์สิทธิ์ ด้วยตำนานที่ยังเล่าขานกันสืบมาในเรื่องของวิชาอาคมและเครื่องรางของขลัง ความนิยมในพระเครื่องหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่ายังมีอยู่สูงมากใน ปัจจุบันแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466 แต่ความเคารพศรัทธานั้นไม่เคยเสื่อมคลาย หลวงปู่ศุขยังได้สร้างพระเครื่องที่เรียกว่า “หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า”ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นิยมนำไปสักการะบูชา หลวงปู่ศุขได้พัฒนาวัดปากคลองมะขามเฒ่าจนมี ความเจริญรุ่งเรือง ด้วยความเมตตาของท่านนั้นทำให้มีลูกศิษย์ลูกหาอย่างมากมาย และท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้จนสิ้นอายุขัยด้วยวัย 76 พรรษา ปัจจุบันวัดปากคลองมะขามเฒ่ายังมีกุฏิของท่านเป็นแบบทรงไทยโบราณ ภาพถ่ายและข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งและรูปหล่อของหลวงปู่ศุขพร้อมด้วยรูปหล่อกรมหลวงชุมพรเขต อุดมศักดิ์ ไว้ให้เป็นที่สักการะบูชาโดยทั่วกัน สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของวัดนี้ คือ ภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ในพระ อุโบสถติดอยู่ตามผนังเป็นภาพพุทธประวัติ ที่ทรงวาดร่วมกับข้าราชบริพาร ทั้งหมดเขียนด้วยอักษรขอมผนังด้านใต้มีภาพเขียนบอกเวลาที่เขียนไว้คือปี พ.ศ.2433 เพื่อถวายหลวงปู่ศุข เมื่อครั้งสร้างพระอุโบสถซึ่งทางวัดยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ความเชื่อและวิธีการบูชา ชาวจังหวัดชัยนาทและชาวไทยทั่วทุกสารทิศที่ศรัทธาในหลวงปู่ศุข เชื่อกันว่าบารมีของท่านจะช่วยดลบันดาลให้ผู้ที่มากราบไหว้ขอพรถึงวัดปาก คลองมะขามเฒ่า มีความสุขสมความปรารถนา มีสิริมงคลต่อชีวิตและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และยังเชื่อในการบูชาเครื่องรางของขลังของหลวงปู่ศุข ว่าให้คุณทั้งในด้านโชคลาภเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดอยู่ยงคงกระพัน เปิดให้สักการะทุกวัน ตั้งแต่เวลา9.00-11.00 น. และ14.00-17.00 น.การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ 25กิโลเมตร ไปทางอำเภอวัดสิงห์ตามทางหลวงหมายเลข 3183 กิโลเมตรที่ 36–37

หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท

อุปสมบท

            เมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทเพื่อทดแทนบุญคุณบิดามารดา ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์ทองล่าง จังหวัดนนทบุรี โดยมีพระอธิการเชย จันทสิริ เจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ และท่านก็จำพรรษาอยู่ที่นี้ หลวงปู่ศุข ท่านได้อยู่ปรนนิบัติอาจารย์ซึ่งเป็นพระที่เคร่งครัดในด้านวิปัสสนา จึงได้ศึกษาพระธรรมวินัยและเรียนวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดจนเวทมนตร์คาถา ต่อมาท่านได้กราบลาพระอุปัชฌาย์มาจำพรรษาอยู่ที่ วัดสามง่าม ปทุมวัน เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมเพิ่มเติม และย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดชนะสงคราม บางลำพู ณ ที่นี่ท่านได้พบกับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานจังหวัดพิจิตร ได้ศึกษาวิชาต่างๆร่วมกันท่านทั้งสองจึงมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ



มรณภาพ

             หลวงปู่ศุขมรณภาพเมื่อวันที่23 ธันวาคม พ.ศ.2466 ตรงกับปลายรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสิริอายุได้ 76 ปี นับพรรษาได้ 54 พรรษา

             และสิ่งหนึ่งของหลวงปู่ศุขที่ทำให้บุคคลต่างๆต่างให้ความเคราพนับถือศรัทธาคือด้านพระกรรมฐานและพระเวทวิทยาคม




เครดิต คลิก

ร้านอาหารแนะนำ



ร้านบ้านชาวดิน
ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท 17000
โทรศัพท์ 056-477588 ขายอาหารประเภทปลา และอาหารตามสั่ง เวลาเปิด 17.00 - 22.00 น.


 








 



---------------------------------------------------------

ห้องอาหารปองฤทัย

 


ห้องอาหารปองฤทัย

1-1/10 ถ.พหลโยธิน ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท 17000
โทรศัพท์ 056-414486, 081-7274602  ขายอาหารประเภทปลา,กาแฟสดและอาหารไทยตามสั่งทั่วไป





---------------------------------------------------------


ร้านเลมอนเฮาส์ 
 




ร้านเลมอนเฮาส์
358 หมู่ 5 ถนนหมายเลข 340 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท 17000
โทรศัพท์ 081-2584082 ขายอาหารตามสั่งและอาหารฝรั่ง เวลาเปิด 10.00 - 21.00 น.



















---------------------------------------------------------

เรือนริมน้ำอรัญญา 




เรือนริมน้ำอรัญญา
ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท โทร.056-421449 เปิด 11.00 - 22.00 น.
อาหารไทย-อาหารจานปลา ติดแม่น้ำเจ้าพระยา







---------------------------------------------------------

ร้านเถ่าชิ่วสุกี้




ร้านเถ่าชิ่วสุกี้
ร้านเถ่าชิ่วสุกี้ ร้านเก่าแก่ดั้งเดิมในตัวเมืองชัยนาท โด่งดังเรื่องสุกี้และอาหารตามสั่งต่างๆ
ตั้งอยู่บนถนนพรหมประเสริฐ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท
เบอร์โทรศัพท์
056-411431 






 


 

---------------------------------------------------------
 ครัวแหลมหว้า


  
 ครัวแหลมหว้า
ร้าน "ครัวแหลมหว้า" อาหารป่า อาหารพื้นบ้านและส้มตำ ลาบ เมนูเด็ด เช่น ต้มยำปลาคัง กบทอดกระเทียม ยำเห็ด ฯลฯ

ร้านครัวแหลมหว้า บรรยากาศแบบบ้านๆ ตัวร้านตั้งอยู่ในโรงเรียนวัดแหลมหว้า ต.เสือโฮก อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท
โทรศํพท์ 087-1961603
ร้านเปิดให้บริการ 09.00 น. - 17.00 น.





  




---------------------------------------------------------

แล้วยังมีรายชื่อร้านที่ไม่ได้ review อีกข้างล่างเลยค่ะ

ข้าวแกงเจ้าพระยา
๓๓๕/๓ ถ.พหลโยธิน โทร. ๐ ๕๖๔๑ ๑๘๑๑ (ข้าวแกง เปิดบริการ ๐๖.๐๐-๑๔.๓๐ น.)


ครัวท่าลาภ
๒๓๖ ม.๗ ต.ธรรมมูล โทร. ๐ ๕๖๔๑ ๔๓๕๖ (อาหารไทยตามสั่ง, ปลาแม่น้ำ เปิดบริการ๐๙.๓๐-๒๑.๐๐ น.)
ปุ๊ ๒๒๒ ถ.พหลโยธิน ต.บ้านกล้วย
โทร. ๐ ๕๖๔๑ ๒๔๐๒ (อาหารตามสั่ง, พื้นเมือง เปิดบริการ ๑๐.๐๐-๒๑.๐๐ น.)

แพริมน้ำ
๑๗ ม. ๒ (ท่าข้าวโพด) ต.บ้านกล้วย
โทร. ๐ ๕๖๔๒ ๑๔๗๑ (อาหารตามสั่ง, ปลาแม่น้ำ เปิดบริการ ๑๐.๐๐-๒๒.๐๐ น.)

แพรุ่ง
๑๘๕ ม.๒ (ท่าข้าวโพด) ต.บ้านกล้วย
โทร. ๐ ๕๖๔๗ ๖๐๑๙ (อาหารตามสั่ง, ปลาแม่น้ำ เปิดบริการ ๐๙.๐๐-๒๒.๐๐ น.)

เรือนแพ
(หน้าศาลากลางจังหวัด) ๕ ถ.ชัยณรงค์ ต.ในเมือง
โทร. ๐ ๕๖๔๑ ๑๖๒๕, ๐ ๕๖๔๑ ๑๘๒๕ (อาหารไทย, จีน ปลาแม่น้ำ เปิดบริการ ๐๘.๐๐-๒๒.๐๐ น.)

นำชัย คอฟฟี่ เฮาส์
ในโรงแรมนำชัย ๖๓/๒๒ ถ.คงธรรม ต.ในเมือง
โทร. ๐ ๕๖๔๑ ๑๗๒๔-๕ (อาหารตามสั่ง เปิดบริการ ๐๗.๐๐-๒๑.๐๐ น.)
 
ห้องอาหารโรงแรมมนตรี
๓๐๙/๓๐ ถ.พหลโยธิน ต.บ้านกล้วย โทร. ๐ ๕๖๔๑ ๑๕๒๓–๔ (อาหารไทย, จีน เปิดบริการ ๐๖.๓๐-๒๓.๐๐ น.)
 
สวนอาหารเรือนไม้
๒๐๕ ม.๗ ต.บ้านกล้วย โทร. ๐ ๕๖๔๑ ๑๒๖๖, ๐๘ ๑๙๕๓ ๗๕๑๖
(ปลาม้านึ่งซีอิ๊ว, ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน, ปลากะพงสองใจ)
 
สเต็ก ๘๙
(ชัยนาท รีสอร์ท ) ๓๐๙/๗๗ ม. ๕ ถ.พหลโยธิน ต.บ้านกล้วย โทร. ๐ ๕๖๔๑๑๑๕๔
(สเต็กหมู, เสต็กปลา, เสต็กไก่, มักกะโรนี, สปาเก็ตตี้, สลัดผัก เปิดบริการ ๑๖.๐๐ -๒๒.๒๐ น.)
 
บ้านณัฐชนน
๓๒๕ ม.๕ ต. ชัยนาท ตรงข้ามวิทยาลัยพยาบาล โทร ๐๕๖๔๐๕๕๙๓
(ขาหมูณัฐชนน, ปลาคังผัดฉ่า, ปลาช่อนโบราณ เปิดบริการ ๑๑.๐๐ – ๒๒.๐๐ น.)
 
ลาบเป็ดชัยนาท
๓๒ ม.๕ ต.บ้านกล้วย ถนนชัยนาท- ตาคลี ๐๕๖๔๑๔๑๔๙
(อาหารเกี่ยวกับเป็ด เปิดบริการ ๐๙.๐๐ - ๒๑.๓๐ น.)
 
ห้องอาหารระเบียงทิพย์
๖๐/๕๔ ถนนวงษ์โต ต.ในเมือง โทร ๐๕๖๔๒๐๒๙๙
(หอยอึ๋ม, กุ้งหนีน้ำ, ปากเป็ดทอด, ปลาช่อนลุยสวน เปิดบริการ ๑๐.๐๐ - ๒๔.๐๐๐ น.)
 
เรือนรังนก
ถนนชัยนาท – ตาคลี ต.เสือโฮก โทร ๐๕๖๔๕๖๓๓๖
 
ไก่ย่างท่าพระ
ถนนสายเอเชีย โทร ๐๘๙๗๑๕๗๕๘๔


เครดิต คลิก
Animated Blinking Gingerbread Man